คำสั่ง switch
รูปแบบของคำสั่ง switch เป็นดังนี้
นิพจน์ และ ค่าคงที่ ของนิพจน์ในแต่ละ case จะต้องเป็นชนิดจำนวนเต็ม และมีค่าไม่ซ้ำกัน
ถ้า นิพจน์ มีค่าเท่ากับ ค่าคงที่1 แล้ว คำสั่ง1 จะถูกประมวลผลเป็นลำดับแรก ตามด้วย คำสั่ง2 จนกระทั่งถึง คำสั่ง ของ default ตามลำดับ
ในกรณีที่ นิพจน์ มีค่าเท่ากับ ค่าคงที่2 การประมวลผลจะเริ่มต้นที่ คำสั่ง2 จนกระทั่งถึง คำสั่งของ default ตามลำดับ
คำสั่ง switch อาจไม่มีกรณี default ได้แต่ในกรณีที่มี default และ นิพจน์ มีค่าไม่ตรงกับค่าคงที่ ใดๆ เลย แล้ว คำสั่ง ของกรณี default จะเป็นเพียงคำสั่งเดียวที่ถูกประมวลผล
และในกรณีที่ไม่มี default และ นิพจน์ มีค่าไม่ตรงกับ ค่าคงที่ ใดๆจะไม่มีคำสั่งใดเลยที่ถูกประมวลผล
ผลลัพธ์ข้างต้นเป็นผลจากการป้อนอักขระ 5 ให้โปรแกรม นั่น คือ ในกรณีที่อักขระที่รับค่าเข้ามามีค่าเป็น 1 – 9 โปรแกรมจะประมวลผลฟังก์ชัน printf() ของ case ที่ตรงกันและตรงกัน และน้อยกว่าจนครบทุกกรณี และในกรณีที่อักขระที่รับเข้ามาเป็นอักขระอื่น ๆ โปรแกรมจะประมวลผลฟังก์ชัน printf() ในกรณี default เพียงเท่านั้น
ในกรณีที่ต้องการให้คำสั่งของ case ใด case หนึ่งเท่านั้นถูกประมวลผล นักเขียนโปรแกรมจะต้องเพิ่มคำสั่ง break เป็นคำสั่งสุดท้ายในแต่ละ case
ในกรณีที่ต้องการให้คำสั่งของ case ใด case หนึ่งเท่านั้นถูกประมวลผล นักเขียนโปรแกรมจะต้องเพิ่มคำสั่ง break เป็นคำสั่งสุดท้ายในแต่ละ case
คำสั่ง break
คำสั่ง break ใช้สำหรับควบคุมการกระทำการ โดยบังคับให้หยุดประมวลผล ใช้ควบคู่กับคำสั่ง switch เพื่อป้องกันไม่ให้ประมวลผลข้อความคำสั่งอื่นที่ตามมาภายในคำสั่ง switch
คำสั่ง break ใช้สำหรับควบคุมการกระทำการ โดยบังคับให้หยุดประมวลผล ใช้ควบคู่กับคำสั่ง switch เพื่อป้องกันไม่ให้ประมวลผลข้อความคำสั่งอื่นที่ตามมาภายในคำสั่ง switch